การนินทาเป็นสิ่งที่อยู่คู่มากับมนุษยชาติเนิ่นนานไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ใด เพศใด วัยใด ก็มักจะอดนินทากล่าวถึงคนอื่นไม่ได้ ไม่มีใครชอบที่จะเป็นผฝ่ายถูกนินทาหรือนำไปพูดถึงลับหลังในเรื่องราวของตน แต่ทุกคนกลับมักเผลอชอบนินทาทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว ทั้งที่จงใจและไม่เจตนา แต่กี่คนที่จะทราบว่าผลของการนินทานั้นไม่ใช่เพียงแค่กิจกรรมที่ทำแล้วเพลิน สนุกปาก ตอบสนองความอยากรู้อยากเห็น หรือความเพลิดเพลินในหมู่คนที่จับกลุ่มนินทาเท่านั้น การนินทาคนอื่นยังส่งผลเสียอีกมากที่คนจำนวนไม่น้อยไม่เคยรู้ หรือไม่ได้คิดถึง
ทำให้คน ๆ นั้นหมดความน่าเชื่อถือ
เมื่อนินทาผู้อื่นหรือร่วมผสมโรงไปกัยบกลุ่มคนที่รวมหัวกันนินทาคน สิ่งที่เราสูญเสียแม้ไม่ใช่ผู้ที่ถูกว่ากล่าวนินทาให้เสียหายก็จริงอยู่ แต่เราก็จะกลายเป็นคนที่หมดความน่าเชื่อถือ ไม่น่าไว้วางใจขึ้นโดยทันที เพราะคนในกลุ่มนินทานั้นในใจเขาก็จะมองว่า เราช่วงนินทาวันหนึ่งอาจจะนินทาตัวเขาเองลับหลังก็เป็นไปได้ ยิ่งหากเป็นคนมีหน้าที่การงานสูง มียศตำแหน่ง การเข้าร่วมก๊วนนินทาเป็นสิ่งอันตรายเพราะเป็นการบั่นทอนสถานภาพของเราเองโดยไม่รู้ตัว
2.เป็นการสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้น
เปรียบเหมือนการไปโหมกระพือเชื้อไฟ คนที่นินทาคนอื่นก็แสดงว่ามีความไม่ชอบในคนที่ตนนินทาอยู่บ้างเป็นทุนเดิม หากเราร่วมผสมโรงก็เท่ากับไปกระพือไฟความเกลียดชังให้เกิดขึ้นให้มากยิ่งขึ้น ทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ ความไม่ชอบเล็กน้อยเมื่อถูกขยายความก็อาจกลายเป็นความเกลียดชังไปในที่สุดซึ่งไม่เป็นผลดีกับใครแถมยังบาปอีกด้วย
3.อาจทำให้ตนเองเดือดร้อน
เราไม่รู้เลยว่าคนที่เราพูดด้วย ที่เรานำอีกคนมานินทาให้ฟังเขาคิดอย่างไรหรือถ้ามีคนที่ผ่านมาบังเอิญได้ยินอาจจะนำไปพูดต่อ และพูดถึงเรา อาจจะนำไปบอกคนที่เราพูดถึงนินทาถึงให้เกิดความเดือดร้อนมาสู่ตัวเราเองได้ทุกเมื่อก็เป็นได้
4.สุดท้ายอาจถูกนินทาเสียเอง
เมื่อเรานินทาจนสนุกปาก เราอาจคิดว่าเรามีความสุขที่ได้พูดได้เป็นฝ่ายกระทำ คนถูกนินทาเป็นฝ่ายเสียหาย แต่หารู้ไม่สักวันเราอาจถูกนินทาเสียเองและต้องเป็นฝ่ายเสียาย เจ็บใจและเสียใจ ดังนั้นการนินทาคงไม่ได้ส่งผลดีใด ๆ นอกเสียจากความสะใจชั่วครู่เท่านั้น